Sponsored


Monday, May 10, 2010

คิดสวนทาง บางกอกแจ๊ซที่ราชประสงค์ จ๋อย หงอย เหงา

คิดสวนทาง บางกอกแจ๊ซที่ราชประสงค์ จ๋อย หงอย เหงา





คมชัดลึก :งานบางกอกแจ๊ซเฟสติวัล ครั้งที่ 7 นี้ เปลี่ยนมาจัดที่บริเวณลานด้านหน้าของเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ ระหว่างวันที่ 9-14 มีนาคม 2553 การจัดงานใหญ่ๆ แบบนี้แต่ละครั้งหมายถึง การเตรียมงานล่วงหน้ากันเป็นปีๆ เริ่มจากความฝันที่อยากจะให้เกิดบรรยากาศสนุกสนานรื่นเริง บันเทิงใจไปกับเสียงเพลงดีๆ ที่หาฟังได้ยาก อยากเห็นผู้คนที่รักเสียงเพลงมาพบปะเจอะเจอกัน อยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ที่เข้ามาร่วมงาน นักดนตรีก็อยากได้ยินเสียงปรบมือ ที่เป็นเหมือนอายุวัฒนะต่ออายุให้นักดนตรีได้ทุกเพศทุกวัย ใจใสบริสุทธิ์ของเหล่านักศึกษาที่ขะมักเขม้นซ้อมกันมาอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้โชว์ฝีมือให้ได้ฟังกันจะจะ หวังว่าอาจจะเกิดได้ก็คราวนี้แหละ นั่นคือพลังงาน และความฝันที่ทั้งผู้จัด ผู้สนับสนุนรายการ นักดนตรีทุกคนที่จะมาร่วมแสดงในงานครั้งนี้มีอยู่ก่อน ที่เหตุการณ์บ้านเมืองจะผันแปรไป ก็เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ยังไม่ยอมยุติสงบเรียบร้อยอย่างแท้ จริงกันเสียที







  การมีชีวิตเป็นนักดนตรี ก็มีชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอนอยู่แล้ว เป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคง ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ อยู่กับความนิยมและก็สังขาร การที่จะทำให้มีงานทำอยู่ได้ก็อยู่ที่ต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ จะด้วยฝีมือ ความรู้หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปจนอายุปาไกลไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ งานก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องยึดไว้ให้แน่นเพราะนานๆ จะมีมาที ก็คิดว่ายังโชคดีที่ยังมีงานให้ทำอยู่ แต่เทียบไม่ได้กับตอนที่ชีวิตกำลังโด่งดัง เป็นกฎอนิจจังซึ่งรับฟังได้และรับรู้อยู่ในใจตลอดมา
 เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ธุรกิจแรกที่ถูกกระทบโดยตรงคือธุรกิจบันเทิง ไม่มีใครจะมีอารมณ์ที่อยากจะสนุกสนาน เพราะสิ่งแรกที่ทุกคนเป็นห่วงคือรายได้ที่จะได้รับย่อมเกิดความไม่แน่นอน เกิดความไม่มั่นคงขึ้นมาในชีวิต วางแผนอนาคตไม่ได้ วางได้แต่จะใช้เงินที่ยังเหลืออยู่ไปได้นานแค่ไหน งานใหม่นั้นเลิกคิดไปได้เลย
 ส่วนงานเก่าที่มีอยู่ก็ยังต้องลุ้นอยู่ว่าจะถูกยกเลิกหรือเปล่า ระหว่างที่ยังไม่มีคำตอบใดๆ ชัดเจน ความเครียดก็เข้ามาเป็นเจ้าครองเรือน ตื่นขึ้นมาแต่ละวันแทน ที่จะมีความสดชื่น ความหวัง ความกระตือรือร้น กลับกลายเป็นความรู้สึกเบื่อ เซ็ง อึดอัด ขัดใจ โกรธ แค้น เกลียดชัง และเคียดแค้น ความรู้สึกนี้ก็กลายเป็นว่าทุกคนในสังคมโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ก็ต้องมารับกรรมไปเต็มๆ
 ลองนึกกลับไปตอนที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเริ่มขบวนการใหม่ๆ จิตใจเรายังมีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ว่า ให้คนกรุงเทพฯ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านต้อนรับการแสดงออกเพื่อประขาธิปไตย แต่กลายเป็นว่า เราเปิดประตูรับโจรเข้ามาเต็มบ้าน ทั้งนี้ไม่นับรวมชาวบ้านที่จิตใจบริสุทธ์ที่ถูกเขาหลอกให้เข้ามา แสดงตนว่าต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย คำที่ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ยังไม่เข้าใจ มาเพราะรักใคร ชอบใครก็อยากจะช่วยเขาแค่นั้น
 จากเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น มองในแง่ดีก็ทำให้เราห็นไส้เห็นพุง เห็นความด้านและดิบในสันดานของคนบางคนได้อย่างชัดเจน เห็นความขลาด ความเขลา ความเห็นแก่ตัว การโกหก การเอาตัวรอด การไม่รับผิดชอบของผู้ใหญ่บางคน แต่ที่สำคัญคือวุฒิภาวะของคนกรุงเทพฯ ในเรื่องการเมืองสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ใครไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริงของประชาชนแล้วละก็ อย่าแสลนสะเออะ สมัครเข้ามารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร กทม.เป็นอันขาด
 ก็อย่างว่าละครับบรรยากาศแบบนี้คิดเรื่องดนตรีไม่ออกจริงๆ ที่เล่ามาก็เป็นความรู้สึกที่มีอยู่ตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ โชคดีที่ยังได้มีโอกาสแสดงดนตรีในงานนี้ในวันสุดท้าย ต้องขอขอบคุณและชื่นชมในความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นของผู้จัดและผู้สนับสนุนรายการ ที่ยืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาจนถึงวันสุดท้ายของเทศกาลดนตรี บางกอกแจ๊ซครั้งที่ 7 นี้ได้
 คงไม่ต้องเล่าเรื่องงานอะไรมากนัก เพราะค่อนข้างหงอยเหงา ตัวผมเองก็รอดูจนวินาทีสุดท้าย เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแน่แล้วจึงโทรไปที่บ้าน อนุญาตให้ครอบครัวออกมาดูผมแสดงได้ ไม่มีใครอยากออกมากันหรอกครับบรรยากาศแบบนี้ นี่ถ้าเปิดการแสดงช้าไปอีกหนึ่งเดือนคนก็จะแน่นงานแน่เลย และก็คงจะมีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟังได้อีกเยอะ ถ้าต้องเล่นดนตรีแจ๊ซให้กลุ่มคนเสื้อแดงฟัง
 ลองนึกภาพดูว่า ถ้าพวกเขาประชุมกันโดยยึดหลักสันติอหิสาแล้วละก็ เราก็ไม่เห็นจะต้องไปหวาดกลัวอะไร เทศกาลดนตรีแจ๊ซก็ดำเนินไปตามปกติ พวกแกนนำว่างจะปราศรัยเสร็จก็แวะ เข้ามาฟังเพลงอมตะผลงานชิ้นเอกของโลก เช่นผลงานเพลงของ Miles Davis, John Coltrane และอื่นๆ อีกมากมาย ผลงานเหล่านี้เป็นสมบัติของมนุษยชาติ ทำให้มนุษย์เจริญขึ้น มีสติปัญญาสูงขึ้น สังคมสวยงามขึ้น และที่สำคัญดนตรีมักจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสรีภาพและการสร้างสันติสุขขึ้นในหมู่มวลมนุษย์
 น่าเสียดายที่เราจัดเทศกาลดนตรีแจ๊ซคราวนี้เร็วไป ถ้าจัดช้ากว่านี้สักหนึ่งเดือน คนเสื้อแดงก็อาจจะได้มีโอกาสฟังผลงานดีๆ ดนตรีอาจจะทำให้บรรดาแกนนำมีเหตุผลขึ้น พูดจาปราศรัยด้วย คำพูดที่สุภาพไม่ใช้อารมณ์ และที่สำคัญเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน และความรุนแรงอื่นๆ ที่ตามมา ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
 ผมคงฝันไป หรือไม่ก็บ้าไปแล้ว
"จิรพรรณ อังศวานนนท์"










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive