Sponsored


Tuesday, April 2, 2013

อยากให้รู้ว่ารักเธอ...When I fall in love

อยากให้รู้ว่ารักเธอ...When I fall in love
ช่วงยุคทองของอาร์เอสในทศวรรษที่ 90 นั้น อาร์เอสได้สร้างความฮือฮาขึ้นในวงการเพลงบ้านเราอย่างมาก เมื่อปลุกปั้นศิลปินดูโอวัยเด็กลูกครึ่ง ตัวกระเปี๊ยก อายุอานามก็แค่ 10-11 ปี พูดภาษาไทยยังไม่แข็งแรง นามว่า แร็พเตอร์ (Raptor) ออกมาสู่ตลาด ในปี 2537 เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยมาก่อน ถือว่า เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ บิ๊กบอสของค่ายอาร์เอส ใจถึงมากกับเดิมพันครั้งนี้! เพราะหากไม่นับบรรดาวัยรุ่นในสมัยนั้น ซึ่งรสนิยมการเสพงานเพลงจะออกแนว Loyalty จงรักภักดีกับค่ายเพลงใดค่ายเพลงหนึ่ง ไม่ค่อยจะเปลี่ยนใจแล้ว บรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายแหล่ต่างก็มีเครื่องหมายคำถามปรากฏอยู่บนใบหน้าแทบทั้งสิ้น ว่ากล้าเอามาออกได้ยังไง?  จะไหวไหม?  เด็กตัวเล็กๆ แค่เนี้ยอ่ะนะ อ่านภาษาไทยไม่ได้ ร้องเพลงไทยยังไม่ชัด ไม่ต้องพูดถึงคุณภาพของเสียงร้องแต่ปรากฏว่า เฮียเลือกไพ่ถูกใบครับ เพราะ 2 หนุ่มน้อย แร็พเตอร์ จอนนี่ อันวา และ หลุยส์ สก็อต ดังกระหึ่ม และดังติดลมบนมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่มีวงไหนจะทำได้แบบนี้แล้ว เพราะแม้ว่าทางอาร์เอสจะปั้นศิลปินเด็กขึ้นมาอีกก็ไม่มีวงไหนประสบความสำเร็จมากเท่าแร็พเตอร์ได้ มีแค่เกือบ อย่าง วงไจแอนท์ ก็ดังในระดับหนึ่งจากท่าเต้นสุดฮิต เจ็บนี้รสปูอัด หรือแม้กระทั่ง  อนัน อันวา น้องชายของ จอนนี่ ถึงจะโด่งดังอย่างมาก แต่ก็ไม่เท่ากับที่แร็พเตอร์ทำไว้ ผลงานทั้ง 4 อัลบั้ม คือ Raptor, Waab Boys, Day Shock และ Goodbye ต่างก็มียอดจำหน่ายเทปเกินหลัก ล้าน ทั้งสิ้น นอกจากความกล้าแหวกที่จะเอาเด็กฝรั่งตัวกระเปี๊ยก 2 คนมาออกเทปแล้ว ผู้เขียนเห็นว่าสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้แร็พเตอร์ โดน คือแนวเพลงที่ แหวก และการนำสมัยของซาวด์ดนตรี ภายใต้การควบคุมของ เสือ ธนพล อินทฤทธิ์ โปรดิวเซอร์มือทองของอาร์เอสในสมัยนั้น ที่แปลงโฉมให้ จอนนี่ และ หลุยส์ มีลุคละม้ายคล้าย วง Kris Kross ศิลปินแร็พของต่างประเทศ ซึ่งกระแสเพลงแร็พ ฮิปฮอป กำลังระบาดเข้ามาในบ้านเรา ซึ่งผลงานเพลงในชุดแรกนั้น ดูเป็นการผสมผสานระหว่างแนวเพลงป๊อป กับฮิปฮอป เข้าใจว่าทางอาร์เอสเองก็คงกังวลว่าหากจะเป็นแร็พ เป็นฮิปฮอปจ๋าเลย อาจจะยังไม่เข้าถึงแฟนเพลง จุดเด่นของชุดนี้คือ การนำเพลงฮิตเพลงดังของศิลปินร่วมค่ายคนอื่นๆ มาผสมในเพลง เพิ่มท่อนแร็พ ทำดนตรีใหม่ อย่างเพลง ซูเปอร์ฮีโร่ ก็จะมีเพลง บอดี้การ์ด ของ เต๋า สมชาย เข็มกลัด ในท่อนฮุก เพลง ต้องยกให้ มีเพลง แจ๋วจริง ของ เจี๊ยบ พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร เพลง ช่วยด้วย มีเพลง ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ของ เอาท์ไซเดอร์ (outsider) เพลง ลื่นมากเชื่อยาก มีเพลง ลื่น ของ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง เพลง ลุยสิ มีเพลง ปอดปอด ของ  บอยสเก๊าท์ และเพลง อย่าพูดว่าเลิก มีเพลง เล่นเจ็บเจ็บ ของ ไฮแจ็ค ชุดนี้ เนื้อร้องส่วนใหญ่ทั้งอัลบั้มจะเป็นท่อนแร็พทั้งสิ้น เขียนขึ้นโดย เสือ ธนพล และ หมู สุรพันธ์ ชาญวิชญานันต์ จำได้ว่าเพลงเปิดตัว คือ ซูเปอร์ฮีโร่ นี่ดังมาก ซูเปอร์แมน แบทแมน ฮีแมน สไปเดอร์แมน วันเดอร์วูแมน บลา บลา... ใครร้องตามได้นี่เซียนเลย มิวสิควิดีโอได้ พลอย เฌอมาลย์ มาเล่นให้ด้วย ว้าววว (สำหรับเธอคนนี้เอาใจผู้เขียนไปเล้ยยย อิอิ) มีเพลงเอกอีกเพลงคือ คิดถึงเธอ ...คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก ต้องให้เธอแก้ รู้ก็รู้ว่าชอบ แต่ใจมันพูดไม่ได้ แต่ถ้าเธอช่วยมันก็ง่าย อะไรก็คงไม่แย่... ใครไม่เคยร้องท่อนนี้บอกมา ผู้เขียนไม่เชื่อหรอก ซึ่งส่วนตัวแล้วเพลงนี้ สามารถยกให้เป็นเพลงระดับตำนาน (Legendary Song) ได้เลย และเพลง คำว่าเพื่อน ...คำว่าเพื่อน นั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่แต่จริงใจให้เธอ  เก็บรักษาเอาไว้ให้นาน เผื่อสักวันกลับมาพบเจอ  ขอให้เธอโชคดี เพื่อนเอย.. จอนนี่ และหลุยส์ ยังทำสิ่งที่นักร้องเมืองไทยไม่เคยทำมาก่อนด้วย นั่นคือ เล่นโรลเลอร์เบลดบนเวทีคอนเสิร์ต ครับ แถมร้องสดๆไปด้วยอีก แหม่..โลดโผนจริงๆส่วนชุดที่สอง Waab Boys นั้น ออกมาห่างจากชุดแรกนานพอสมควรเลยครับ คือประมาณต้นปี 2539 คราวนี้ทั้งคู่คอสตูมฉูดฉาดชวนแสบตามากๆ เพราะเสื้อผ้าเล่นใช้สีสะท้อนแสงเลย สีผมก็มีทั้งสีทอง และสีแดง ยุคนั้นวัยรุ่นคนไหนถ้าไม่เจ๋งจริงอย่าริทำเป็นอันขาด เพราะอาจจะออกแม่น้ำโขงได้ ในส่วนของงานพลงนั้นกลับพลิกไปเลย ไม่ใช่แร็พแล้ว กลายเป็นป๊อปแดนซ์ เทคโนแดนซ์ เหมือนกับเป็นการเปลี่ยนผ่านระหว่างยุคเก่ายุคใหม่ มีเพลงฮิตระดับตำนานอีกเพลงคือ อย่าพูดเลย แต่งเนื้อร้องโดย เชษฐา ยารสเอก ทำนองโดย เสือ ธนพล ฮ็อตฮิตติดชาร์ตยาวนานมาก เพลงไม่แคร์, รู้สึกอย่างไร เป็นต้น ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนชอบอัลบั้มชุดนี้ของแร็พเตอร์มากที่สุด เพราะดูลงตัวมากทั้งลุคของศิลปิน แนวเพลง งานโปรดักชั่นสมัยนั้นต้องยอมรับครับว่า แร็พเตอร์ ดังมากกกก..ก เวรี่มาก นำแฟชั่นวัยรุ่นเสื้อผ้าหน้าผม จำได้ว่าเมื่อครั้ง แร็พเตอร์ มาเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเกิดของผู้เขียน เพื่อนร่วมแก๊งทะโมนของผู้เขียนคลั่ง 2 หนุ่มน้อยนี่เข้าเส้น ลงทุนขี่มอไซค์ ตามรถเห่ จอนนี่ กับ หลุยส์ ไปตลอดทาง ถนนไหนทำท่าว่าจะตามไม่ทัน ก็ลัดไปดักรอแยกหน้าเลย แดดร้อนขนาดไหนก็ไม่ถอย ตามตั้งแต่เช้ายันเย็น ตอนแรกมันมาชวนผู้เขียนไปด้วย ผู้เขียนรีบตอบ............ปฏิเสธไปเลยครับ แหม่ ขอเป็น นุก สุทธิดา ได้ป่ะ (ฮา)แต่ไม่ว่ายังไง สิ่งที่ผู้เขียนยกให้เป็นที่สุดของแร็พเตอร์ ต้องเป็นสุดยอดเพลงแดนซ์ตลอดกาลเพลงนี้ครับ เกรงใจ ...ม่ายอาววนะเครงชายยย ม่ายยยดีหรอกเครงชายยย.. ใครจะคิดว่าคนแต่งเนื้อร้องเพลงนี้จะเป็น พี่พู ชมพู ฟรุตตี้ หรือ สุทธิพงษ์ วัฒนจัง !? พี่พู คนที่ร้องเพลงรักได้หวานจับใจ น่ะเหรอ ใช่แล้วครับ เพลงนี้ดังระเบิดระเบ้อ มาพร้อมกับท่าเต้น โหนรถเมล์ ทุกวันนี้เวลาเพื่อนร่วมงานผู้เขียนพากันไปร้องเกะ พอได้ที่เมื่อไร ก็เป็นต้องพากันโหนรถเมล์ทู๊กที เรียกว่าเป็นเพลงหากินของหมู่คณะได้เลยในปี 2541 แร็พเตอร์ ได้ประกาศยุบวงไปแล้ว ต่างแยกย้ายไปทำงานที่ตัวเองชอบ จอนนี่ ออกอัลบั้มเดี่ยว 3 ชุด ล่าสุดชุดที่ 3 คือ  Outtaspace ในปี 2546 เป็นอัลบั้มที่ผู้เขียนถือว่าดีที่สุดของ จอนนี่ ลงตัวทั้งเรื่องของดนตรี เสียงร้องที่มีพลัง หนักแน่นขึ้น มีเพลงดังๆ อย่าง ในห้องนั้น, ได้ยินไหม, เหงา, มีหัวใจ(แต่ไร้ความรู้สึก) และ Outtaspace โดยเพลงที่เอามาให้ฟังกันวันนี้ ไม่ใช่เพลงของแร็พเตอร์โดยตรง แต่ขออนุญาตนับรวม เพราะคนร้องคือ จอนนี่ ครับ ชื่อเพลงว่า อยากให้รู้ว่ารักเธอ เพลงประกอบภาพยนตร์ Sexphone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน (ปี 2546) ซึ่งจอนนี่ ร้องไว้ได้อย่างไพเราะเอามากๆ ดนตรีเนื้อร้องก็โดนใจ มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วย คือเพลง When I fall in love ร้องโดย แมทธิว ดีน ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าเพลงนี้ต้องโดนใจใครหลายคนแน่นอน โดยเฉพาะพวกแอบชอบใครบางคน ...ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้ได้เจอสักเท่าไหร่ แต่เหมือนไกล ไกลห่างกันได้แค่มองหน้าเธอ ทำได้เพียงแค่นั้นหัวใจที่แอบฝัน อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหวหากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันรึเปล่าก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียวแค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลยอยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย อยากจะเจอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวานหากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่าอยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม ...อยากให้รู้ว่ารักเธออยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากันถ้าเธอไม่หวั่นไหวกับสายตาคนอย่างฉันไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน หวังเพียงใครคนนั้นจะใกล้เคียงคนอย่างฉันหากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันรึเปล่าก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียวแค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลยอยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย อยากจะเจอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวาน..อยากให้รู้ว่ารักเธอ...การที่ผู้เขียนตัดสินใจว่าจะชอบ หรือไม่ชอบ เพลงไหนนั้น องค์ประกอบหลักๆ ที่นำมาพิจารณาจะต้องมีเรื่องของ การร้อง รวมอยู่ด้วย ซึ่งนักร้องปัจจุบันนี้หลายๆ คนทำให้ผู้เขียนค่อนข้าง ขัดใจ เพราะดูหน้าตาแล้วไทยแท้ๆ แต่เวลาร้องกลับพยายามทำให้เหมือนฝรั่งพูดไทยไม่ชัด ออกเสียงอักขระ เสียงพยัญชนะ ตัวสะกด เพี้ยนไปหมด ซึ่งศิลปินที่อยู่ในข่ายนี้ผู้เขียนอยากจะให้ดู จอนนี่ ไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งๆ ที่ตอนหัดร้องเพลงก่อนออกเทปชุดแรกใหม่ๆ ยังแทบจะต้องอ่านคำร้องเป็นภาษาคาราโอเกะอยู่เลย แต่ในทุกๆ อัลบั้ม ในทุกๆ เพลงที่ร้องต่อๆ มา จอนนี่พยายามฝึกฝนอย่างหนัก จนกลายเป็นนักร้องที่ร้องเพลงไทย ชัด มากคนหนึ่ง สำเนียง อักขระ ตัวควบกล้ำ มีครบและฟังง่ายชัดถ้อยชัดคำ เส้นเสียงมีพลังมาก ทั้งๆ ที่ จอนนี่ เป็นลูกครึ่ง อินโดนีเซีย-สก็อต ไม่มีสักเสี้ยวที่เป็นคนไทย แต่สิ่งที่ จอนนี่ แสดงออกมาคือสัญลักษณ์ของผู้ที่มีเลือดไทยเต็มตัวต่างกับนักร้องบางคน ไทยแท้ๆ แต่แสดงออกว่าอยากเป็นคนชาติอื่นขัดใจนักเชียว.Old Melody 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive