Sponsored


Tuesday, February 26, 2013

อยากจะ PAUSE เอาไว้ในความทรงจำ…รักเธอทั้งหมดของหัวใจ

อยากจะ PAUSE เอาไว้ในความทรงจำ…รักเธอทั้งหมดของหัวใจ
เดิมทีผู้เขียนตั้งใจจะเขียนถึง โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องนำวงพอส (PAUSE) เมื่อตอนที่แล้ว ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 อันเป็นวันครบรอบปีที่ 12 ของการจากไปไม่มีวันกลับของนักร้องหนุ่มผู้นี้ โดยวันนั้นเมื่อปี 2545 โจ้ อัมรินทร์ ในวัย 30 เศษ สิ้นลมหายใจในสภาพมีบาดแผลถูกจ่อยิงเข้าที่ขมับขวาด้วยปืนกล็อกขนาด 9 มม. คาลิฟต์ซีวันแมนชั่นซอยสุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่สรุปสำนวนคดีว่าเป็นการฆ่าตัวตาย และวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของ เคิร์ต โคเบน (kurt cobain) นักร้องนำวง เนอร์วาน่า (Nirvana) วงร็อกชื่อก้องโลก อีกด้วย ซึ่งทั้ง โจ้ และ เคิร์ต โคเบน ต่างก็เป็นนักร้องที่ผู้เขียนชื่นชอบในระดับที่ มากๆ เอาเสียด้วยแต่ก็ด้วยปัญหาขัดข้องบางประการ ทำให้ผู้เขียนต้องนำมาให้แฟนานุแฟนอ่านกันในวันนี้แทนปลายปี 2539 วงการเพลงไทยได้รู้จักกับวงดนตรีหน้าใหม่ คือ พอส (PAUSE) ของวัยรุ่น 4 คนซึ่งฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา คือ โจ้-อัมรินทร์ นักร้องนำ, เอ-พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ มือกีตาร์, นอ-นรเทพ มาแสง มือเบส และ บอส-นิรุธ เดชบุญ มือกลอง ผ่านการการันตีคุณภาพในขั้นต้นจากเวทีประกวด โค้ก มิวสิค อวอร์ด เมื่อปี 2537 โดยทั้ง 4 คนรวมตัวตั้งวงเฉพาะกิจในงาน คอลเลจ อาร์ติสท์ ของนิตยสาร บันเทิงคดี และเล่นโชว์ในงาน ไพเรท เรดิโอ ทำให้ เบเกอรี่ มิวสิค ค่ายเพลงอินดี้ยุคบุกเบิกของเมืองไทยเห็นแวว จับเซ็นสัญญานี่ถือเป็นจุดหักเหสำคัญที่ทำให้ทั้ง 4 คนก้าวข้ามระดับมือสมัครเล่น สู่ความเป็นมืออาชีพในวงการเพลงไทยในนาม วงพอส ดังกล่าวอัลบั้มแรกของพวกเขาชื่อชุด Push (Me) Again ในสไตล์ป๊อปร็อก ได้รับความนิยมอย่างมาก เพลงที่ถูกโปรโมทอย่าง ที่ว่าง กลายเป็นเพลงยอดนิยมระดับ ขึ้นหิ้ง ทุกวันนี้ความนิยมก็ยังนิยมไม่เสื่อมคลาย จากนั้นก็มีผลงานออกมาอีก 3 อัลบั้ม คือ Evo & Nova (2541) Mild (2542) Rewind (2543) (ไม่รวมอัลบั้มเดี่ยวของ โจ้ Simply Me เมื่อปี 2543 ที่เอาเพลงเก่าที่โจ้ชื่นชอบมาร้องใหม่ในรูปแบบของเขาเองนะครับ) มีเพลงที่ไพเราะเป็นอมตะมากมาย เอาที่ถือว่าเป็น signature ของพอสเลยก็อย่าง ข้อความ, สัมพันธ์, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ, กอดหมอน เป็นต้นพูดถึงเพลง ที่ว่าง ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ทำให้คนรู้จักกับโจ้ เพลงนี้ เอ-พลกฤษณ์ ผู้ที่แต่งเพลงนี้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ทีแรกไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับความสนใจหรือยอมรับได้มากขนาดนี้ เนื่องจากเป็นเพลงที่มีอินโทร (Intro) ที่ยาว เนื้อหาเข้าถึงยาก เป็นเพลงบัลลาด ที่ตั้งใจเสนอมุมมองในความรักที่แปลกแตกต่างออกไป โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเรื่อง The Pro phet หรือ ปรัชญาชีวิต นักกวีชาวเลบานอน ชื่อ คาลิล ยิบราน สมัยนั้นผู้เขียนเชื่อว่ามีหลายคนที่ฟังเพลง ที่ว่าง นี้อย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมาย เพราะผู้เขียนก็เป็น (ฮา) จนมามีความรักเป็นของตัวเองนี่แหล่ะจึงกระจ่างแจ้งในสิ่งที่เพลงนี้ต้องการสื่อออกมานอกเหนือจากคุณภาพทางด้านดนตรีแล้ว ต้องถือว่าจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้คนรู้จัก พอส ก็คือ เสียงร้องของ โจ้ นี่ล่ะครับ เป็นเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ยากที่จะหาใครเลียนแบบได้ แม้ว่าหลายๆ เพลงของวงพอสจะถูกนำมาร้องใหม่ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่มีใครที่จะสามารถถ่ายทอดบทเพลงนั้นๆ ให้ไพเราะได้เท่ากับ โจ้ เลย โจ้เป็นคนที่มีเส้นเสียงที่ใส เต็มไปด้วยพลัง สามารถลากเสียงไปจนสูงสุดได้โดยที่คนฟังไม่รู้สึกระคายหู และเจือด้วยความอบอุ่น อ่อนหวาน เมื่อร้องเพลงในสไตล์อะคูสติก หรือเพลงบัลลาด ทำให้ผู้ฟังเคลิ้มตามได้ไม่ยาก แถมลุคแบบหนุ่มน้อยหน้าตาดี ผมยาวดัดฟูฟ่อง ดูเป็นคนอบอุ่น มีเสน่ห์ ก็ทำให้วัยรุ่นคลั่งไคล้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่รู้นะครับ ว่าใครเป็นคนแรกที่เรียก โจ้ ว่าเป็น นักร้องเสียงมหัศจรรย์ อาจจะฟังดูเว่อร์ๆ แต่กับแฟนพันธุ์แท้ และผู้ที่มีโอกาสได้ฟังเสียงร้องของโจ้ ต้องขอบอกว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยเฉพาะถ้าได้ฟังเพลง ยื้อ ที่ บอย โกสิยพงษ์ แต่ง จะเห็นถึงคุณภาพการร้องของโจ้ได้อย่างชัดเจน เดี๋ยวลงต่ำ เดี๋ยวขึ้นสูง และสูงปรี๊ด เอาว่าหาคนร้องเพลงนี้ให้ได้อย่างที่โจ้ร้องไม่ได้ง่ายๆ ก็แล้วกัน ซึ่งจำได้ว่าโจ้เคยให้สัมภาษณ์วิทยุรายการหนึ่งถึงเพลงนี้ว่า เป็นเหมือนกำแพงที่ต้องปีนข้ามให้ได้ เมื่อร้องเพลงนี้ได้ ก็แปลว่า เราจบหลักสูตรของการเป็นนักร้องที่แท้จริงแล้ว! นี่เป็นสิ่งที่นักร้องนักดนตรีสมัยนี้สมควรเอาเยี่ยงอย่างที่สุดครับ หากอยากก้าวไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพใครที่ชอบเพลงของโจ้ในอัลบั้มเดี่ยวของเขา ที่เอาเพลงเก่าทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุงมาร้องใหม่ ซึ่งรู้สึกว่าไพเราะไม่แพ้ต้นฉบับนั้น ควรทราบว่าเป็นเพราะโจ้ เคยร้องเพลงลูกทุ่งมาก่อน และชอบเพลงของ ศรเพชร ศรสุพรรณ กับ ยอดรัก สลักใจ อย่างมาก เขาบอกว่าตัวเขาเป็นคนบ้านนอก บรรดาลูกคอลูกเอื้อนในเพลงทั้งหลายก็ได้มาจากการร้องเพลงลูกทุ่งนี้แหละเพลงที่นำมาให้ฟังกันวันนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็น signature ของโจ้ ครับ คือเพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ/For My Brother อยู่ในอัลบั้มที่ 2 Evo & Nova ซึ่งเป็นเพลงไว้อาลัย รำลึกถึงน้องชายของโจ้ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โจ้ได้ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกให้ บอย โกสิยพงษ์ กลั่นออกมาเป็นบทเพลงนี้ ซึ่งนี่คงเป็นสาเหตุที่ผู้เขียนฟังเพลงนี้แล้วไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเพลงรักของหนุ่มสาวเลย แม้ว่าจะมีการนำไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักระหว่างชายหญิง ทั้งเรื่อง รักสามเศร้า และ รักฉันอย่าคิดถึงฉัน หรือแม้ว่าเนื้อร้องจะชวนให้นึกถึงความรักในลักษณะนี้ก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ เสียงร้องของโจ้ ในเพลงนี้นั้นฟังดูเศร้า เต็มไปด้วยอารมณ์คะนึงหาผู้ที่จากไป ดังนั้น แม้จะมีผู้นำเพลงนี้ไปขับร้องใหม่ แต่ก็ไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างโจ้ ฟังกันดูครับ เป็นเพลงบัลลาด โดดเด่นด้วยเสียงกีตาร์ในสไตล์อะคูสติก ...ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเธอ ใจมันคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเธอนั้น เป็นสุขไปแล้วทุกครั้งที่ฉันนั้นเห็นภาพเธอ วันคืนเก่าๆ ก็กลับมาเสมอมีแต่เธอที่จะไม่กลับมาแล้วยังมีอีกหลายสิ่ง ที่ฉันยังไม่เคยพูดสักทียังมีอีกหลายอย่าง ที่ไม่เคยทำจนวันนี้รัก .... รักเธอทั้งหมดของหัวใจสิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างในเธอได้ยินไหมคนดีอยากขอ ...ให้ความรู้สึกที่ฉันมีส่งไปถึงเธอที่แสนดีว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอ ดั่งความฝันจะพบกันอีกได้ไหม...หากฉันนั้นรู้ตัว ก็คงจะไม่มัวเก็บมาจนวันนี้โอ้คนดีฉันคงได้บอกไปแล้วยังมีอีกหลายสิ่ง ที่ฉันยังไม่เคยพูดสักทียังมีอีกหลายอย่าง ที่ไม่เคยทำจนวันนี้รัก .... รักเธอทั้งหมดของหัวใจสิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างในเธอได้ยินไหมคนดีอยากขอ ...ให้ความรู้สึกที่ฉันมีส่งไปถึงเธอที่แสนดีว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอ ดั่งความฝันแล้วสักวันจะไปหา.....ภาพที่คุ้นตาคือ ในเวทีคอนเสิร์ตทุกครั้ง ก่อนจะร้องเพลง ที่ว่าง โจ้จะต้องมีประโยคเด็ดว่า ...จงรักกันและอยู่ใกล้กัน แต่ขอให้มีที่ว่าง เพื่อให้สายลมแห่งรักพัดผ่าน ระหว่างคุณทั้งสอง.. ภาพรอยยิ้มเมื่อร้องเพลงเร็วในจังหวะ Funk สนุกๆ ภาพน้ำในตาคลอๆ เมื่อยามร้องเพลงเศร้า ไม่มีภาพนั้นอีกแล้ว...หลับให้สบายนะ ถึงตัวจะจากไป แต่เสียงร้อง และบทเพลงจะยังวนเวียนอยู่ใน playlist ของผู้ที่รักโจ้ต่อไปตราบนานเท่านาน จนถึงเวลาที่ต้อง...แล้วสักวันจะไปหา. Old Melody

No comments:

Post a Comment

Blog Archive