16มกราคม2556 จากเหตุความวุ่นวายในคอนเสิร์ตการกุศล “แสงแห่งหวัง” ของนักร้องดัง เสก โลโซ และแอ๊ด คาราบาว ที่สนามการท่าเรือไทย เอฟซี หรือสนามแพตสเตเดี้ยม หลังกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกัน กระทั่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนนั้น "คม ชัด ลึก" ได้สัมภาษณ์ นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ผู้ซึ่งเคยจัด "มหกรรม 30 ปี คาราบาว" กว่า 100 โชว์ และถือเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในการจัดคอนเสิร์ตมายาวนาน ได้แง่คิดที่น่าสนใจไม่น้อย นายวินิจกล่าวว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยในการจัดคอนเสิร์ตถือเป็นรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมาจัดคอนเสิร์ตให้แก่วงคาราบาวทั่วประเทศ 100 โชว์ เรียบร้อยดีทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไร สิ่งแรกที่ต้องคิดถึงคือเรื่องของการดูแลสถานที่ในการจัดคอนเสิร์ต สถานที่จะต้องเป็นสถานที่มีรั้วรอบขอบชิด สามารถดูแลการเข้าออกได้อย่างรัดกุม การจัดรูปแบบของงานเราต้องดูว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นคนกลุ่มใด และเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นผลทำให้คนเกิดการทะเลาะวิวาท โดยปกติแล้วในคอนเสิร์ตต่างๆ ในบริเวณโชว์ หรือบริเวณเวทีจะไม่อนุญาตให้นำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่เป็นน้ำอัดลมก็ตาม ส่วนใหญ่จะให้เข้าเฉพาะน้ำเปล่า หรือบางครั้งอาจไม่ได้เช่นกัน "เรื่องวิวาทตามงานคอนเสิร์ต ไม่เกี่ยวกับวงดนตรีว่าจะเป็นวงไหน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่เชื่อว่าเกิดจากนิสัยของแต่ละคนมากกว่า ส่วนการระงับเหตุ จะย้ำเลยว่าการ์ดของเราต้องไม่มีอาวุธ จะเน้นเรื่องของระบบการสื่อสารของทีมงาน ว่าจะต้องมีการตรวจตราที่ละเอียดและรัดกุม หากมีเหตุวุ่นวายเพียงจุดเล็กๆ ต้องรีบเข้าไประงับเหตุในทันที ส่วนตำรวจอาจจะมีบ้าง แต่ไม่มาก เท่ากับการ์ดที่เราจ้างมา อีกอย่างคือการเตรียมการ์ด หรือคนดูแลรักษาความปลอดภัยต้องให้เหมาะสมกับจำนวนคนดู" นายวินิจแจกแจง ด้าน นายยุทธนา บุญอ้อม หรือ "ป๋าเต็ด" เจ้าของโปรเจกท์คอนเสิร์ตน้อยใหญ่ อาทิ "บิ๊กเมาเท่น, ชิคเมาเท่น, บอดี้สแลมนั่งเล่น ฯลฯ ย้ำว่า การจัดคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งจะมีรูปแบบไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับแนวเพลงที่ใช้จัดคอนเสิร์ต รวมถึงตัวศิลปิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องสถานที่ในการจัดงาน หากเป็นพื้นที่เปิดกว้างจะดูแลยากกว่าสถานที่ปิด และยิ่งเป็นฟรีคอนเสิร์ตการสกรีนคนเข้าชมจะยิ่งยาก เพราะจำนวนคนจะมากกว่าคอนเสิร์ตที่เสียเงินไปดู ส่วนแนวทางการรักษาความปลอดภัยในคอนเสิร์ต คือ 1.บริเวณจัดคอนเสิร์ตต้องมีรั้วรอบขอบชิด สามารถกันคนทั้งในและนอกออกจากกันโดยเด็ดขาด 2.มีหน่วยรักษาความปลอดภัยและหน่วยตรวจอาวุธ 3.กำลังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทั้งภายในและภายนอก 4.ราคาบัตรก็มีส่วนในการสกรีนคนเข้าไปร่วมงานอีกระดับหนึ่ง สำหรับการห้ามขายสิ่งมึนเมานั้นไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ดื่มสุราแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ "จะเห็นได้ว่าผับบาร์มีดนตรีก็ยังขายแอลกอฮอล์ได้ งานคอนเสิร์ตก็เช่นเดียวกัน คนดื่มไม่ใช่คนที่ชอบก่อเรื่อง และการงดขายแอลกอฮอล์ก็เหมือนเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของผู้ขาย แต่ถ้าคอนเสิร์ตของเราให้เด็กดูเป็นหลักก็จะงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถามว่าสุรามีส่วนในการทำให้เกิดเหตุวิวาทไหม ยอมรับว่ามีส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด" นายยุทธนากล่าว ส่วน นายถิรพัฒน์ ศรภักดี หรือ ดอย แฟนพันธุ์แท้คาราบาว ที่เข้าชมคอนเสิรต์ครั้งนี้ เล่าว่า ระหว่างที่ "แอ๊ด คาราบาว" เล่นเพลงที่สาม ชื่อเพลงยายกูซ่า เรื่องราวของเพลงเป็นชีวิตของยายไฮ ขันจันทา ที่ต่อสู้เพื่อที่ดินของตัวเอง เพลงนี้จะเป็นอัลบั้มใหม่ของวงคาราบาว แต่ยังไม่ได้บันทึกเสียง ปรากฏว่ามีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น คนดูตกใจวิ่งหนีโกลาหลไปคนละทิศละทาง ขณะที่ นายชัยยุทธ์ ลิมลาวัลย์ ผู้จัดคอนเสิร์ตและผู้บริหารเว็บไซต์คาราบาวดอทเน็ต กล่าวว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตการกุศลจัดครบรอบ 40 ปี มีการประสานตำรวจวางกำลังค่อนข้างมากทั้งในเวทีใช้เจ้าหน้าที่กว่า 300 นาย เฝ้าดูแลรักษาความเรียบร้อยด้านนอกอีก 400 นาย และมีจุดตรวจวัตถุระเบิด แต่ไม่รู้เล็ดลอดเข้าไปได้อย่างไร "เสก โลโซ เล่นจบไม่มีปัญหาอะไร แต่พอคาราบาวเล่น ก็มีการปาระเบิดใส่กัน ชกต่อยกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องราคาบัตร 500-1,000 บาท หรืออาจจะเป็นกระแสคอนเสิร์ตพี่ปู (พงษ์สิทธิ์ คำภีร์) ที่มีเรื่องก่อนหน้านี้ หรือเปล่า เรื่องนี้ไม่อยากสรุปว่าใครผิดใครถูก แต่ประชาชนที่เข้ามาดูคอนเสิร์ตจะรู้เป็นผู้ตัดสินทั้งหมด ช่วงเกิดเหตุการณ์พี่แอ๊ด (ยืนยง โอภากุล) พร้อมด้วยทีมงาน ประเมินเหตุการณ์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ตัดสินใจลำบาก ต้องปรึกษากันว่าจะทำยังไง หากเล่นต่ออาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องใหญ่ จึงสรุปและให้เวลาเป็นตัวผ่อนคลาย ก่อนเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ผมขอโทษและเสียใจกับแฟนเพลงที่ไม่ได้ชมคอนเสิร์ตจนจบ แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตประชาชนจึงต้องยุติคอนเสิร์ตลง" นายชัยยุทธ์กล่าว
No comments:
Post a Comment