Sponsored


Tuesday, December 11, 2012

เมื่อรักมาถึง...จุดจบ

เมื่อรักมาถึง...จุดจบ
เดิมทีผู้เขียนตั้งใจจะเล่าถึงเพลงในแนวร็อกสักแค่ 1-2 ตอนแค่นั้น แต่เอาเข้าจริงกลับยืดต่อมาได้อีก และก็ต้องขออนุญาตว่ากันด้วยเรื่องของเพลงร็อกต่ออีกตอนนะครับ แฟนานุแฟนคอลัมน์นี้อย่าด่วนเบื่อกันไปเสียก่อนนะครับเมื่อตอนที่แล้วเล่าถึงวง ไฮ-ร็อก (Hi-Rock) เชื่อว่าเมื่อพูดถึงวงนี้แฟนเพลงส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึง เป้-สุรัช (อนุวรรตน์) ทับวัง นักร้องนำ คงจะมีส่วนน้อยที่จะนึกถึงมือกีตาร์ เบส กลอง และเมื่อนึกถึง เป้ ไฮ-ร็อก แฟนเพลงในยุค 90s แทบทั้งหมดก็จะต้องนึกถึงเขาคนนี้ด้วย เจี๊ยบ-พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ศิลปินมากฝีมืออีกคนของค่ายอาร์เอสความจริงยุค 90s นี่ถือเป็นยุคทองของค่ายอาร์เอสเลยก็ว่าได้นะครับ มีบุคลากรที่มีคุณภาพอยู่เยอะแยะเต็มบริษัท ส่งศิลปินคนไหนออกมาสู่ตลาดก็ล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะปั้นดาราวัยรุ่นให้มาเป็นนักร้อง หรือรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะป๊อปหรือร็อก บางรายนอกจากเพลงจะโด่งดังแล้ว ยังได้รับ รางวัลสีสันอะวอร์ด การันตีฝีมืออีกด้วย เรียกว่าได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง และยังถือเป็นยุคทองของเพลงร็อกด้วย มีศิลปินร็อกโด่งดังติดลมบน เบียดกับเพลงป๊อปมากมาย ไล่มาก็ หรั่ง ร็อกเคสตรา, ไฮ-ร็อก, หิน เหล็ก ไฟ, เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์, พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ซึ่งจนถึงวันนี้ตามเว็บบอร์ดดังๆ ก็ยังคงมีแฟนเพลงของนักร้องกลุ่มนี้เรียกร้องให้ทางอาร์เอสจัดคอนเสิร์ตรำลึกถึงอยู่เป็นระยะๆกลับมาที่ พิสุทธิ์ ต่อนะครับ เมื่อนึกถึง เป้ ไฮ-ร็อก ก็ต้องนึกถึง เจี๊ยบ-พิสุทธิ์ เพราะคู่นี้ได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นกับวงการเพลงไทย ด้วยการนำเพลงไทยสากลของวงสตริงคอมโบในตำนานอย่าง ดิ อิมพอสซิเบิล มาทำใหม่ในแนวร็อก ใช้ชื่อว่า ร็อกอำพัน ใครจะนึกว่าเพลง ไหนว่าจะจำ ที่หวานไพเราะจากน้ำเสียงนุ่มละมุนหูของ อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา จะกลายมาเป็นเพลงร็อกที่หนักแน่น ดุดัน ฟังสนุกจนต้องลุกขึ้นมาโยกหัว...แต่ก็เป็นไปแล้ว !?!ตอนที่ฟังสมัยนั้น บอกได้คำเดียวว่า มันส์มากกก..ก เวรี่มากส์ แต่พอมาได้ฟังอีกครั้งในสมัยนี้ ผู้เขียนขอยกให้ ร็อกอำพัน เป็นผลงานเพลงที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งที่เคยมีมาในวงการเพลงบ้านเราเลย ลงตัวทั้งดนตรี และการเลือกเพลงมาทำใหม่ให้เป็นร็อก ตัวผู้เขียนเองที่ฟังมาแล้วทั้งเวอร์ชั่นของ ดิ อิมฯ และของร็อกอำพัน ในความรู้สึกก็ชอบทั้งคู่ ได้อรรถรสไปคนละแบบ วงการเพลงไทยเริ่มรู้จัก เจี๊ยบ-พิสุทธิ์ เมื่อปี 2533 ซึ่งออกอัลบั้มแรกสังกัดอาร์เอส ในชื่อชุด เพลงพิสุทธิ์ โดยแต่งเนื้อร้องและทำนองเอง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในแง่ของธุรกิจ แต่ถ้าในแง่ของดนตรี ถือว่าเข้าขั้นดี มีลูกเล่นแปลกใหม่ อย่างในเพลง สยามพาเหรดถึงผู้ทำลาย ซึ่งดัดแปลงทำนองเพลงมาร์ชมา ก็เพราะไปอีกแบบครับ และยังมีเพลงบัลลาดดีๆ อย่าง รักไปช้ำไป, พร้อมจะยอมแพ้จนกระทั่ง พิสุทธิ์ ได้ร้องเพลงประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง อรุณสวัสดิ์ ทางช่อง 7 ซึ่งละครก็ดัง ฉุดให้เพลงประกอบดังไปด้วย ประจวบเหมาะกับ พิสุทธิ์ ปล่อยอัลบั้มที่ 2 ออกมาในชื่อชุด อาบลมห่มฟ้า (ปี 2535) พอดีเลยไปกันใหญ่ เรียกว่าดังเพราะละคร เอ๊ย! ไม่ใช่แล้ว เขียนไปอย่างงี้ ใครไม่รู้จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ หรือเผื่อ พี่เจี๊ยบ แกอ่านเจอคงเคืองตาย (ฮา)จริงๆ แล้วที่อัลบั้ม อาบลมห่มฟ้า ประสบความสำเร็จนี้ เป็นเพราะ เนื้องานล้วนๆ ครับ แค่ ไม่ต่างกัน เพลงแรกที่โปรโมตออกมาก็โดนใจกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วครับ ไม่ว่าผับไหนก็ต้องเล่นเพลงนี้ แต่หาคนที่จะร้องไปกับดนตรีได้อย่าง พิสุทธิ์ ยากครับ น้ำเสียงค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์ เสียงสูง แม้จะไม่เท่ากับ เป้ ไฮ-ร็อก ก็ตาม นอกจากนี้ยังมีเพลง เก็บไว้ที่เดิม, แจ๋วจริง, กับลมกับฟ้า, แม้จะเป็นเพียงฝัน ที่โด่งดัง ซึ่งส่วนตัวแล้วผู้เขียนค่อนข้างจะชื่นชอบอัลบั้มนี้ของ พิสุทธิ์ มากกว่าทุกชุด คุณภาพของงานเพลงชุดนี้นอกจากดนตรีที่ ดีมาก แล้ว ยังอยู่ที่เนื้อร้องครับ พิสุทธิ์ เป็นคนที่เขียนเพลงได้ไพเราะมากคนหนึ่งของวงการเพลงไทยเราเลยนะครับ เพลงรักไม่ใช่ว่าจะบอกรักกันโต้งๆ แต่ต้องมีการพรรณนาเปรียบเทียบ เช่น เพลงเก็บไว้ที่เดิม ...วันเวลาเก็บความสวยงาม ทุกๆ อย่าง จินตนาการสู่ความฝันสวยงาม ล่องลอยไป เก็บดอกไม้ไว้ที่ที่เคยอยู่ เก็บทรายสวยๆ ที่เดิม เก็บความรักไว้ตรงที่เดิม คือ ฉันรักเธอ... หรือจะเป็นเพลงอกหักอย่างเพลง ไม่ต่างกัน ...เธอไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้สึกอย่างเรา เธอก็คงคิดเอาว่าเราง่ายดาย จิตใจ ในเมื่อเราสองคนต่างมีจุดหมายไปคนละทาง คนหนึ่งยอมแม้ตาย อีกคนไม่เคยซึ้งเลยหัวใจ ไปด้วยกันอย่างไร อยากรู้... เป็นไงครับ แน่นอนไหมครับ !สัปดาห์นี้ขอเอาเพลงนี้มาให้ฟังกันครับ จากอัลบั้ม อาบลมห่มฟ้า เช่นเดียวกัน ชื่อเพลง จุดจบ ซึ่งเป็นเพลงที่ผู้เขียนมีความหลังด้วย และชื่นชอบมากเพลงหนึ่ง ดนตรีดีมากครับ เป็นเพลงบัลลาด เนื้อหาโดนใจคนอกหัก ฟังแล้วเคลิ้ม พิงฝาตาลอยได้ไม่ยาก ลองฟังกันดูครับ…ใจเราคงคิดต่างกัน เมื่อเธอต้องการจากไป แต่ฉันต้องการให้อยู่อภัยซึ่งกันและกัน มันไม่เคยมีอยู่ในใจเธอนั้นแม้วันสุดท้ายทำไมทำลายทุกอย่าง ที่เราเคยฝัน จบลงแบบนี้ 

จุดจบที่เธอต้องการนั้น เจ็บกันทั้งสองเรา แต่เจ็บที่ฉันมากกว่าจุดจบที่มาจากรอยร้าว จากความไม่เข้าใจ ต่างไม่ยอมให้กันจุดจบที่เราเลิกกันนั้น เจ็บและเหงาเหลือเกิน กว่าจะทำใจให้ลืมเวลาความรักผูกพัน กับใครสักคน ยิ่งนานมันลึกในความรู้สึกเวลาที่ยังรักกัน วันและคืนผ่าน ผ่านไปเร็วดั่งฝัน เพราะความสุขใจเวลาเมื่อเธอต้องไป ผ่านไปช้าๆ แต่ทรมานทางออกทางสุดท้าย ที่เธอเลือกไว้ เจ็บปวดเธอทำไปได้ไงลาก่อนสุดที่รัก หมดเวลาแล้ว จุดจบแยกทางเดินสองเราทำร้ายกันอย่างนี้ เธอก็รู้อยู่ แต่เธอก็ยังเลือกไป...เมื่อครั้งที่เพลงนี้โด่งดังผู้เขียนยังนุ่งกางเกงเวสปอยต์ขาสั้น เสื้อตัวโคร่งๆ ไว้ผมรองทรงสูง อย่างที่เคยเล่าไปในตอนต้นๆ ของคอลัมน์ว่า ช่วงนั้นเลือดวัยรุ่นมันฉีดแรงไปหน่อย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับแก๊งทโมนด้วยกัน หัวหกก้นขวิด เกเรเกตุงไปเรื่อย (แฟนานุแฟนที่ยังเป็นเยาวชนไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง) แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักรัก รู้จักชอบหญิงนะครับ แต่ถึงจะรู้จักรัก รู้จักชอบหญิง ก็ใช่ว่าจะสมหวัง...วันนั้นเป็นวันงานกีฬาสีของโรงเรียน และบังเอิญให้ตรงกับวันเกิดของหญิงรุ่นน้อง ที่ผู้เขียนแบ่งเวลาจากแก๊งทโมนไปตามป้อ ตามจีบอยู่นานจนเธอมีใจให้  ผู้เขียนพร้อมกล่องของขวัญและดอกไม้ 1 ช่อ กะจะไปเซอร์ไพรส์ แต่เป็นผู้เขียนที่ต้องเซอร์ไพรส์เสียเอง เพราะอีน้องสะบั้นรักแล้วยังสะบัดบั้นท้ายซ้อนมอไซค์ หนุ่มอื่นไปต่อหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักหรอกนะครับ แค่เสียเหลี่ยมลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนแค่นั้นเอง แต่แก๊งทโมนด้วยกันนี่สิ ทำเป็นรู้ใจ เล่นเปิดเทปเพลงจุดจบนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็น 10 เที่ยว จนฟังไปฟังมาชักอินไปจริงๆอา...จุดจบของความรัก.Old Melody

No comments:

Post a Comment

Blog Archive